เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ก.พ. ๒๕๔๖

 

เทศน์เช้า วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม เวลาฟังธรรมะไง เวลาธรรมะมา เวลาอาหารของปาก อาหารของร่างกาย เรากินอาหารของร่างกาย อาหารของใจ ใจต้องการอาหาร อาหารของใจคือธรรมะ คือความเข้าใจ เพราะความที่เราไม่เข้าใจ เราถึงได้หลงไป หลงไปนะ เราจะหลงไปที่ไหน เราทำชีวิตเราถูกต้อง ชีวิตเรานี่ประพฤติปฏิบัติถูกต้อง คุณงามความดีถูกต้อง มันจะหลงไปไหน

มันหลง หลงในสัจธรรม หลงในความเป็นจริง ในความเป็นจริง สรรพสิ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่ว่ามันเป็นเรื่องของกรรม กรรมเป็นเครื่องขับไสไป คนเราเกิดมาจากกรรม ในเมื่อเรามีกรรมแล้ว เราต้องทำให้เราพาเกิดมา เราถึงต้องเกิดมาใช้กรรม ชีวิตเรามันถึงทุกข์ยาก ทุกข์ยากเป็นบางโอกาส บางโอกาสมันก็สมความปรารถนา ถ้าสมความปรารถนา ตั้งเป้าหมายไว้ สมเป้าหมายนั้น มันเป็นความสุขของใจ ความสุขนี้เป็นของอนิจจัง เป็นของชั่วคราว แล้วมันก็จะมีทุกข์ตลอดไป ทุกข์นี้เป็นอริยสัจ ทุกข์นี้เป็นความจริง เกิดมาประสบกับความทุกข์ตลอดไป เราถึงต้องขวนขวายหาคุณงามความดีมาเพื่อให้เรามีความสุขพอสมควร

เกิดนี้บุญพาเกิด ถ้าบุญพาเกิด เกิดแล้วประสบความสำเร็จในชีวิต ในชีวิตนี้เป็นไปโดยที่ว่าไม่ต้องกระเสือกกระสนจนเกินไป แต่ถ้าเราไม่ได้ทำบุญกุศลมา ดูชีวิตคนเกิดมาสิ ชีวิตของคนที่เกิดมาในท้องพ่อท้องแม่เดียวกันก็เหมือนกัน ก็ไม่ราบรื่นเหมือนชีวิตของบางคน ชีวิตบางคนราบรื่นไปตลอดรอดฝั่งเพราะอะไร เพราะบุญกุศลพาเกิด แต่บางชีวิตต้องมีความทุกข์ความยากไป ต้องระหกระเหินไปตามชีวิตของเขา บ้านแตกสาแหรกขาดไป นั้นเป็นอำนาจของกรรมทั้งหมดเลย กรรมสร้างมา

เราเกิดมาใช้กรรม แต่พอเกิดมาใช้กรรม เราจะใช้กรรมต่อไป คือหลงไปในชีวิตไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากว่าจะตรัสรู้ธรรมอันนี้ได้ ธรรมนี้มันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งจนว่าเราเห็นว่าไม่มีคุณค่า คนทั่วไปเห็นว่าธรรมะคืออะไร? ธรรมะคืออริยสัจ ธรรม เห็นไหม ศีล สมาธิ ปัญญานี้เป็นธรรม ธรรมนี้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ในเรื่องชีวิต ในเรื่องของจิตใจ จิตใจนี้มันว้าเหว่ ความว้าเหว่อยู่ในหัวใจของเรามันลึกซึ้งอยู่ในหัวอกของเรา มันไม่มีที่เกาะเกี่ยว มันว้าเหว่ไปตลอด แล้วอะไรที่จะทำให้มันเป็นประกันหลักประกันของมันล่ะ หลักประกันของชีวิตมันต้องมีที่พึ่งพาอาศัยของเขา สิ่งที่อาศัยของเขาได้คือเกาะได้ เกาะอะไรได้? เกาะศีล เกาะสมาธิ เกาะปัญญา แต่เราไม่เคยมีศีล ศีลของเราด่างพร้อย ศีลของเราไม่สมบูรณ์

อธิศีล ศีลเกิดจากความปกติของใจ ใจคิด มโนกรรม สร้างคุณงามความดี ใจจะเป็นศีลตลอดไป สมาธิมันยังไม่เกิดจากเรา เรายังไม่ทำสมาธิขึ้นมา เรายังไม่มีความสุขขึ้นมาในสมาธิ ถ้ามีสมาธิขึ้นมา ทำจิตให้ตั้งมั่นได้ มันมีเครื่องเกาะเกี่ยว ใจมันเกาะเกี่ยวกับสิ่งที่ว่ามันมีหลักของใจ ปัญญาในการรอบรู้ในกองสังขาร ปัญญารอบรู้ในความคิดของตัวเอง ความคิดของเรามันเกิดขึ้นมามันหมองไหม้ มันเผาลนตัวเอง มันเกิดขึ้นมาจากอะไร

ความคิดอันนี้เป็นสังขาร เป็นสัญญา เป็นความคิด ความปรุง ความแต่ง ความคิดในปัญญาของเราคือความคิดรอบรู้ในกองสังขาร สังขารคือความคิดความปรุงความแต่ง เห็นไหม สังขารร่างกายนั้นเป็นส่วนหนึ่ง สังขารร่างกายต้องมีสภาพ มันต้องแปรสภาพเป็นธรรมดาของมัน สังขารความคิดมันเกิดดับตลอดเวลา สิ่งที่มันเกิดดับๆ ในหัวใจ ความคิดมันปรุงแต่งขึ้นมา เดี๋ยวมันก็มีความคิดเรื่องใหม่ออกไปตลอดไป สิ่งนี้ ความรอบรู้ของมัน ถ้าปัญญารอบรู้ในกองสังขาร สิ่งนี้จะคอยยับยั้งสิ่งนี้ได้ ยับยั้งสิ่งที่เราคิดไป สิ่งที่มีความคิดและฉุดกระชากความคิดให้เราทำตามเราไป

นี่เกิดมาใช้กรรม เราไม่เห็นสภาวะสิ่งนี้ เราก็ว่าสิ่งนี้เป็นเรา สิ่งที่คิดเป็นเรา สิ่งที่รักสงวนที่สุดคือความคิดของเรา คือหัวใจของเรา เรารักสงวนร่างกายของ เรารักสงวนเรา เรารักสงวนเราขนาดไหน เราเกิดมาใช้กรรม สิ่งที่เกิดมาใช้กรรม ใช้กรรมสภาวะอย่างนี้ กรรมมันขับไสไป กรรมขับไสให้เราต้องสภาวะเจอความจริงอย่างนี้ตลอดไป

แต่การทวนกระแสให้ใจมีอาหารของใจ เรามาทำทานกัน เราทำบุญกุศลกันเพื่ออะไร? เพื่อที่ว่าให้ฝึกใจ ฝึกฝนให้มีการเสียสละ ฝึกฝนไป มีการทำทาน มีการรักษาศีล มีการฟังธรรม เห็นไหม รักษาศีล จิตปกติ ฟังธรรม ธรรมอันนี้จะเข้าถึงหัวใจ หัวใจของเรามันมีอยู่ แล้วไม่มีใครเคยมาขุดคุ้ยแสวงหาตัวเราเอง เราแสวงหาแต่สิ่งภายนอก ความคิดเกิดขึ้นมา มันฉุดกระชากไปกับความคิดเลย เราแสวงหาแต่สิ่งที่เป็นวัตถุ สิ่งที่จับต้องได้ มันจะเป็นสิ่งที่พึ่งได้ แล้วเราแสวงหาขึ้นมา มันสมความคิดเราไหม? มันไม่สมความคิดเราเลย เพราะมันไม่สมความปรารถนา

“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องแปรสภาพไปเป็นธรรมดา” มันเป็นธรรมดาของชีวิต แล้วเราก็เกาะเกี่ยวกับสิ่งนั้น สิ่งที่เป็นธรรมดา แต่เราเป็นธรรมดาไหม? เราไม่เป็นธรรมดา เราถึงเป็นทุกข์ เราไม่เป็นธรรมดา เพราะเราต้องการรั้งไว้ สิ่งที่มันประสบความสุขของเรา เราพยายามรั้งไว้กับเรา ให้สิ่งนี้อยู่กับเรานานๆ แต่มันอยู่กับเรานานๆ ไม่ได้หรอก

“ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด” แต่บุญกุศลพาให้เราไปให้สมความมุ่งหมายพอเป็นไปได้ แต่ถ้ามันไม่มีความเป็นไปได้ มันกระเสือกกระสนไป ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แล้วก็มีความทุกข์ตลอดไป

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แต่เข้าใจสภาวะความเป็นจริง เรื่องของโลกให้เป็นเรื่องของโลกเขา เรื่องของใจนี่ให้เห็นสภาวะตามความเป็นจริงอย่างนี้ แล้วอยู่กับเขาไป ปล่อยวางเขาไปตามความเป็นจริง รักษาเขาไว้

“ธรรมโอสถ” เห็นไหม ร่างกายจะเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดไหน มีความทุกข์ขนาดไหน แต่หัวใจมันรื่นเริง รื่นเริงเพราะว่าเข้าใจตามสภาวะความเป็นจริงว่าสิ่งนี้เป็นการกระทำ สิ่งนี้มันเกิดขึ้นจากการกระทำ มันเป็นกรรมของเรา มันจะเกิดมาขนาดไหน เราก็อยู่กับมันด้วยความเป็นจริง สุดท้ายแล้วมันต้องเคลื่อนไป ทุกข์ไม่อยู่กับเราตลอดไปหรอก

ทุกข์เป็นอนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป สภาวะมันเป็นธรรมดาของมันที่ต้องเป็นไป แต่เวลาทุกข์ของเราขึ้นมา เราพยายามจะผลักไสออกไป สิ่งที่ผลักไสมันยิ่งเกาะเกี่ยวเราแน่นขึ้น ถ้าเราไม่ผลักไส เราไม่สนใจกับมัน เรากลับมาทำสภาวธรรม กลับมาทำความสงบของใจ กลับมาทำความเห็นของใจ มันปล่อยเองได้ตามธรรมชาติของมัน มันไม่ปล่อยเพราะเราไปยึด เราไปคุ้ยตลอดไป เหมือนไฟเราเติมเชื้อตลอดไป ไฟเติมเชื้อแล้วดับไฟ มันดับไม่ได้ด้วยการเติมเชื้อ ไฟต้องดับได้ด้วยการถอนเชื้อออก การถอนเชื้อออกคือการทำใจให้อยู่ในสภาวธรรม ไม่อยู่ในสภาวะของความทุกข์

ทุกข์อันนั้นมันเกิดขึ้นเป็นอริยสัจ เป็นความจริง มันเป็นความจริงโดยธรรมชาติของมัน มันมีอยู่โดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว มันต้องเป็นไปตามสภาวะแบบนั้นอยู่แล้ว เราเกิดมาเจอสภาวะนี้ โลกนี้เป็นแบบนั้นในวัฏฏะ ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์นะ แม้แต่ในเทวดา ในอินทร์ ในพรหม เขาจะสูงขึ้นขนาดไหน เขาโตขึ้นขนาดไหนก็แล้วแต่ เขาจะมีความสุขที่ว่าเขามีอำนาจวาสนา สุดท้ายแล้วก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เขามีอยู่ มันเป็นความทุกข์ไหม? มันก็เป็นความทุกข์อันหนึ่ง เป็นความทุกข์ทั้งหมด จนกว่าเราจะมีโอกาส

เราสร้างโอกาสของเรา เราเกิดมาจากกรรม เราต้องมาชดใช้กรรม แล้วเราสร้างโอกาสของเราขึ้นมา เวลาที่หายใจเข้า มีลมที่หายใจเข้าและลมหายใจออก สิ่งนี้เรากำหนดได้ มันเป็นสมบัติมหาศาลนะ หายใจเข้ามีสติ หายใจออกมีสติ นั่นน่ะสมบัติของเราที่ว่าเป็นของเราๆ ไม่ใช่ของเราหรอก มันเป็นของชั่วคราวทั้งหมด แต่สมบัติของเราคือหัวใจที่มันสงบนิ่งในหัวใจของเรา ในใจของเรามันสงบขึ้นมา มันเป็นสมบัติของเรา เพราะอะไร เพราะถ้าใจดวงใดทำความสงบของใจขึ้นมาได้หนหนึ่ง มันจะมีความดูดดื่มอันนี้มาก เวลามันจะสิ้นลมหายใจไป มันจะวิ่งเข้าหาอันนี้ไง

คนเราเวลามันทุกข์ยาก มันจนตรอกเข้ามา มันจะหาสิ่งที่ดีที่สุดของมันในสมบัติของเรา ใจก็เหมือนกัน ใจเราถ้าเคยมีหลักเกณฑ์ของใจ เวลามันมีภัยขึ้นมา มันจะวิ่งเข้าหาตรงนั้น วิ่งเข้าหาตรงที่มันมีความสงบที่สุด วิ่งเข้าหาที่มีคุณสมบัติดีที่สุดของมัน เพื่อเอาอันนี้อ้างกับกิเลส อ้างกับวัฏฏะว่าเรามีคุณสมบัติ เรามีสมบัติของเรา เราจะไปทำคุณงามความดีของเรา อันนี้คือการสร้างบุญกุศล ถ้าใครได้ทำบุญกุศลเป็นอาจิณ เป็นปกติแล้ว เวลาจะตายมันจะฝึกฝนได้ แต่ถ้าเราไม่เคยทำนะ ถึงเวลาเราจะแสวงหานี่หาไม่ได้ อันนี้เราทำจนเราทำสัมมาสมาธิเกิดขึ้นมาจากหัวใจ นั่นน่ะ เราสร้างโอกาสของเราขึ้นมาเอง

โอกาส ถ้าเราไม่สร้าง มันก็ไม่มี โอกาส ถ้าเราสร้างก็มี ธรรมมีอยู่โดยดั้งเดิม เป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของครูบาอาจารย์ที่สะสมมา ครูบาอาจารย์ทำบุญกุศลขึ้นมาเป็นของครูบาอาจารย์ขึ้นมา เราอาศัยสิ่งนั้นขึ้นมา แล้วเราพยายามดัดแปลงตนขึ้นมาจนเป็นสมบัติของเรา เราสร้างโอกาสของเราขึ้นมา แล้วเราจะมีปัญญาของเราขึ้นมา ปัญญาในการใคร่ครวญในกองสังขาร ปัญญาใคร่ครวญในกองสังขารคือความที่ว่ามันทำให้เราฟุ้งซ่าน มันเกิดขึ้นจากอะไร? มันเป็นปกติเกิดดับเป็นธรรมชาติของมัน

ความคิดของเรากับใจมันเกิดดับๆ ตลอดไป แต่สิ่งที่เกาะเกี่ยวคืออะไร? คือกิเลส มันติดเกาะเกี่ยวกิเลส กิเลสมันอยู่ตรงไหน? มันอยู่ที่ตัวเรา ตัวตนของเรา พิจารณาตรงนี้ ตรงที่ย้อนกลับมาเห็นตัวตนของเรา เห็นการเกิดดับของเรา มันเกาะเกี่ยวกันอย่างไร มันออกไปหากินอย่างไร ย้อนกลับเข้ามาด้วยปัญญารอบรู้ในกองสังขาร สังขารต้องดับ ดับบ่อยครั้งเข้าๆ แล้วสิ่งที่มันเกาะเกี่ยวคืออะไร? คือกิเลสที่มันเกาะเกี่ยวสังขารกับจิตที่เป็นอันเดียวกัน มันจะปล่อยวางอันนี้ออกไป ถ้าปล่อยวางบ่อยครั้งเข้าๆ มันจะขาดออกไปจากใจ

สิ่งนี้เวลามันมีอำนาจเหนือเรา มันขับไสให้เราให้เกิดตามสภาวกรรม กรรมทำให้เราต้องเกิดมาชดใช้กรรม กรรมเราสร้างสมมา ถ้าคนมีคุณงามความดี กรรมดี ทำให้ชีวิตนี้มีความสุขเจริญรุ่งเรือง ถ้ากรรมชั่วเกิดมาขึ้นมา เห็นไหม จนสุดท้ายอบายภูมิ คนเกิดขึ้นมา คนเป็นสัตว์ ในพระไตรปิฎก โตเทยยพราหมณ์มีสมบัติมาก ตระหนี่ถี่เหนียวมาก เวลาตายไป สมบัตินั้นทำให้เกิดมาเฝ้าสมบัติของตัวเอง เขาเกิดเป็นสุนัข เกิดเป็นหมาขึ้นมา เพราะในพระไตรปิฎกว่าไว้อย่างนั้น

นี่เหมือนกัน เราเวียนตายเวียนเกิด กรรมชั่วทำให้เกิดถึงนรกได้ เกิดถึงสัตว์เดรัจฉานได้ การเกิดสภาวะแบบนั้นเป็นความทุกข์ไหม นั่นน่ะ เกิดมาชดใช้กรรม กรรมเราสร้างขึ้นมาขนาดไหนก็ต้องชดใช้ แล้วคุณงามความดีเราสร้างขึ้นมา เราก็ต้องเสวยผลขึ้นมา แล้วเราสร้างโอกาสด้วย สร้างโอกาสในการประพฤติปฏิบัติ สร้างโอกาสให้กับชีวิตของตัวเราเอง ถ้าเราไม่สร้างโอกาสให้ตัวเราเอง เราก็ชดใช้กรรมไปเฉยๆ ถ้าเราสร้างโอกาสให้ตัวเราเอง มันชดใช้กรรมด้วย แล้วเรามีโอกาสด้วย เราทำคุณงามความดีด้วย เราจะไปสวรรค์แน่นอน เราทำบุญตลอดไป เราจะไปสวรรค์แน่นอน ปิดอบายภูมิได้ถ้าเรามีศีลบริสุทธิ์นะ ศีล ๕ บริสุทธิ์ เราจะปิดอบายภูมิได้ เวลาตาย ใจจะอบอุ่น ใจที่อบอุ่นเวลาคุณงามความดีเข้าไปถึงใจ มันจะลอยขึ้น สิ่งที่เบา เวลาไปมันจะลอยขึ้นสู่อากาศ สิ่งที่หนักจะจมลงดิน

ใจ ถ้ากดถ่วง มีความโกรธ มีความทุกข์มาก มันจะลงไปตามสภาวะแบบนั้น ถ้าเราสร้างบุญกุศลขึ้นมา ในโลกนี้มันจะเป็นสภาวะแบบนี้ตลอดไป เราจะมีไม่มีก็เป็นอย่างนี้ เราถึงไม่ไปห่วงมัน เรารักษาใจของเราขึ้นมาแล้ว ใจของเราจะทำให้เราไปเกิดในคุณงามความดี เกิดในสถานะที่ดี นั้นเป็นความสุข แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีความสุข เพราะเรามีธรรมในหัวใจ มันสร้างบุญกุศลขึ้นมา มันอบอุ่นใจ เรามีบุญกุศล บุญนี้ต้องพาให้เราประสบความสำเร็จ เวลามีทุกข์มีอุบัติเหตุขึ้นมา มันจะพาให้เราคลาดแคล้วจากสิ่งนี้ได้ นั้นเป็นเรื่องของบุญทั้งหมดเลย บุญจึงเป็นสิ่งที่ควรปรารถนาและควรแสวงหา

วันนี้เราได้สร้างบุญกุศล วันนี้วันพระด้วย สร้างบุญกุศลแล้ว เดี๋ยวให้พร อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ให้ไม่ต้องมาสร้างเวรสร้างกรรมต่อกันไป ให้พ้นออกไปจากเรา ชีวิตนี้ถึงสมความปรารถนาของเรา เอวัง